ไขข้อสงสัย CEFR คืออะไร มีความจำเป็นอย่างไร ทำไมถึงต้องสอบ?
หากพูดถึงการสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษ CEFR จะเป็นหนึ่งในเกณฑ์วัดระดับที่หลายๆ คนนึกถึง เพราะเป็นการเกณฑ์ที่กระทรวงศึกษาธิการได้ออกนโยบายให้นักเรียนและคุณครูทุกคนผ่านการวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษ โดยอ้างอิง CEFR ซึ่งเป็นมาตรฐานความสามารถทางภาษาอังกฤษระดับสากล
วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปหาคำตอบพร้อมๆ กันว่า CEFR คืออะไร มีความจำเป็นอย่างไร แล้วทำไมถึงต้องสอบ?
CEFR คืออะไร?
CEFR หรือที่มีชื่อเต็มว่า Common European Framework of Reference for Languages เป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ใช้อธิบายระดับความเชี่ยวชาญทางภาษาระดับสากล ได้รับการยอมรับจากหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในทวีปยุโรป CEFR เป็นมาตรฐานสากลที่สหภาพยุโรปจัดทำขึ้นในปี 1990 เพื่อปรับปรุงแนวทางสำหรับลูกจ้างและสถาบันการศึกษาที่ต้องการประเมินความเชี่ยวชาญทางภาษาของผู้สมัคร และเพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันของผู้สอนภาษาทุกประเทศในยุโรป
โดย CEFR เป็นมาตรฐานการทดสอบที่สามารถประเมินความเชี่ยวชาญทางภาษาอังกฤษได้อย่างครบถ้วนทั้ง 4 ทักษะ คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน ซึ่งจะแบ่งระดับภาษาของผู้เรียนได้ 6 ระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับผู้ชำนาญ ผลคะแนนสามารถเทียบได้กับเกณฑ์ของ IELTS, TOEIC และ TOEFL
ทักษะภาษาอังกฤษ CEFR มีกี่ระดับ ต่างกันอย่างไร?
อย่างที่บอกว่าระดับความสามารถทักษะภาษาอังกฤษ CEFR มีด้วยกันทั้งหมด 6 ระดับ ได้แก่
Basic User
Level A1 :
- สามารถใช้ประโยคพื้นฐานในการสื่อสารที่เป็นรูปธรรม และเข้าใจสำนวนที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันได้
- สามารถแนะนำตนเอง และคนอื่นๆ รวมถึงสามารถถามตอบเกี่ยวกับรายละเอียดส่วนบุคคลได้
- สามารถสื่อสาร โต้ตอบให้ความช่วยเหลือผู้อื่นได้
Level A2 :
- สามารถเข้าใจสำนวนที่ใช้บ่อยๆ เกี่ยวกับสิ่งรอบตัวได้ เช่น ข้อมูลพื้นฐาน การซื้อของ หรือการจ้างงาน
- สามารถสื่อสารเรื่องง่ายๆ เรื่องที่เป็นกิจวัตรประจำวันได้ และแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่คุ้นเคยได้โดยตรง
- สามารถอธิบายประวัติของตนเองอย่างง่ายๆ สื่อสารประเด็นที่ต้องการได้อย่างทันที
Independent User
Level B1 :
- สามารถเข้าใจจุดประสงค์หลักในเรื่องที่พบเจอบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน
- สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นขณะที่เดินทางไปในสถานที่ต่างๆ ได้
- สามารถสื่อสารเชื่อมโยงเรื่องราวที่คุ้นเคย หรือหัวข้อที่สนใจส่วนบุคคลได้
- สามารถอธิบายเหตุการณ์และให้เหตุผลสั้นๆ รวมถึงสามารถอธิบายเกี่ยวกับความคิดเห็นได้
Level B2 :
- สามารถเข้าใจข้อความที่มีความซับซ้อนได้ทั้งในลักษณะที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม สื่อสารเรื่องที่มีความเชี่ยวชาญได้ดี
- สามารถสื่อสาร โต้ตอบกับเจ้าของภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่กังวล
- สามารถใช้ถ้อยคำที่มีความชัดเจนในหัวข้อที่หลากหลาย อธิบายมุมมองเกี่ยวกับปัญหาเฉพาะด้านที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียได้
Proficient User
Level C1 :
- สามารถเข้าใจข้อความที่มีความยาวมากขึ้น หลากหลายมากขึ้น และรู้ชัดถึงความหมายโดยนัย
- สามารถสื่อสาร แสดงความคิดได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ
- สามารถใช้ภาษาได้อย่างยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ทั้งทางสังคม วิชาการ และด้านอาชีพ
- สามารถใช้ถ้อยคำที่มีความชัดเจน ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่ซับซ้อน แสดงการใช้รูปแบบการสื่อสาร แบบเชื่อมโยงได้
Level C2 :
- สามารถเข้าใจถึงเรื่องที่รับฟัง หรือเรื่องที่อ่านได้อย่างง่ายดาย
- สามารถสื่อสารและแสดงออกได้อย่างรวดเร็ว เป็นธรรมชาติและแม่นยำ
- สามารถแยกแยะความหมายของคำศัพท์ ประโยคที่มีความซับซ้อน หรือใกล้เคียงกันของสถานการณ์ต่างๆ ได้
- สรุปข้อมูลจากแหล่งที่มาต่างๆ เพื่อใช้ในการนำเสนอที่สอดคล้อง หรือใช้ในการโต้แย้งได้
ทักษะภาษาอังกฤษ CEFR สำคัญอย่างไร ทำไมต้องสอบ?
เนื่องจาก CEFR เป็นหนึ่งในนโยบายปฏิรูปการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อสร้างเสริมสมรรถนะและทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ ทำให้นักเรียนและคุณครูทุกคนผ่านต้องผ่านการวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษ โดยการวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษสำหรับครูและนักเรียนในไทย จะเทียบกับ 4 ระดับคือ A1 – B2
Level CEFR สำหรับครู
ระดับประถมศึกษา
- ครูที่ไม่ได้สอนภาษาอังกฤษ : Level A2 ขึ้นไป
- ครูที่สอนภาษาอังกฤษ : Level B1 ขึ้นไป
ระดับมัธยมศึกษา
- ครูที่ไม่ได้สอนภาษาอังกฤษ : Level A2 ขึ้นไป
- ครูที่สอนภาษาอังกฤษ : Level B1 ขึ้นไป
Level CEFR สำหรับนักเรียน
นักเรียนห้องปกติ
- ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 : Level A1 ขึ้นไป
- ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 : Level A2 ขึ้นไป
- ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 : Level B1 ขึ้นไป
นักเรียนห้องเรียนพิเศษ (ภาษาอังกฤษ)
- ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 : Level A2 ขึ้นไป
- ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 : Level B1 ขึ้นไป
- ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 : Level B2 ขึ้นไป
โดยเกณฑ์การวัดระดับของ CEFR จะไม่ได้มีการสอบโดยตรงอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ แต่จะเป็นการเทียบคะแนนจากการสอบวัดระดับทักษะภาษาอื่นๆ เช่น IELTS, TOEIC และ TOEFL โดยสามารถเทียบได้ดังนี้
นั่นจึงทำให้ CEFR ไม่มีแนวข้อสอบเป็นของตัวเอง เนื่องจากไม่มีการสอบโดยตรง แต่ CEFR Level จะเป็นไปตามเกณฑ์ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับคะแนนการสอบวัดระดับทักษะภาษาอื่นๆ ที่นำมาใช้เทียบ ซึ่งการจะมีแนวทางในการสอบที่แตกต่างกันออกไป แต่ล้วนต้องใช้ทักษะและความเชี่ยวชาญในภาษาอังกฤษทั้งสิ้น